เช็กก่อนเป็นเหยื่อเพจบริจาค


872

เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.คันนายาว และมูลนิธิวอชด็อก ไทยแลนด์ บุกค้นบ้านแห่งหนึ่ง ที่มีการร้องเรียนว่าทารุณสัตว์ โดยปล่อยให้อดอาหารจนตาย จากการตรวจค้นภายในบ้านพบซากแมวอยู่ในตู้เย็นจำนวนมาก ส่วนตัวที่ยังมีชีวิตมีอาการป่วยจากการอดอาหาร ภายในกรงขัง รวมทั้งหมดแล้ว 138 ชีวิต
พฤติกรรมหญิงเจ้าของบ้านจะเปิดเพจเฟซบุ๊กเรี่ยไรเงินจากผู้ใจบุญในการดูแลสัตว์ แต่สภาพความเป็นจริงกลับตรงกันข้าม
หญิงรายดังกล่าวมีพฤติกรรมเปิดเพจขอรับเงินบริจาคมานาน 3 – 4 ปี วันที่เข้าไปจับกุมได้ขับรถหนี ชนกำแพงหมู่บ้านจนบาดเจ็บ และมีการนำตัวส่งโรงพยาบาล ขณะนี้ทางมูลนิธิฯ รวบรวมหลักฐานแจ้งความฐานความผิดทารุณกรรมสัตว์ รวมถึงตรวจสอบเส้นทางการเงินต่อไป


แม้ขณะนี้มีการบุกเข้าไปช่วยเหลือสัตว์ที่บ้านแล้ว แต่เพจดังกล่าวยังมีการโพสต์ข้อความขอรับบริจาคอยู่ และเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา มีการไปเปิดบูธรับบริจาคในงานแสดงสินค้า ขณะเดียวกันผู้ที่เคยบริจาคกับเพจดังกล่าวสามารถมาร้องเรียนเอาผิดได้ในฐานความผิดหลอกลวง เพราะยังไม่มีเจ้าทุกข์เข้ามาแจ้งความ ซึ่งทางมูลนิธิฯ สามารถแจ้งความเอาผิดได้เฉพาะการทารุณกรรมสัตว์”
จากการตรวจค้นบ้านหญิงรายดังกล่าวพบซากแมว 63 ตัว ซากสุนัข 1 ตัว ส่วนแมวที่ยังมีชีวิต มีอาการป่วยทั้งหมด 75 ตัว และสุนัข 5 ตัว ขณะนี้กระจายรักษาอยู่ 3 โรงพยาบาลสัตว์ ล่าสุดพบแมวที่ช่วยออกมาเริ่มทยอยตายแล้ว 6 ตัว มีอาการโคม่า 4 ตัว สาเหตุการตายส่วนใหญ่ขาดสารอาหารขั้นรุนแรง จนลำไส้ไม่สามารถรับอาหารได้ แม้แพทย์ทำการรักษาเต็มที่แล้วก็ตาม
ถ้านับจำนวนของสัตว์ทั้งหมดในบ้านหลังนี้ ทั้งที่พบเป็นซากและยังมีชีวิตอยู่รวมทั้งหมด 138 ชีวิต ยังไม่รวมเศษซากกระดูกที่ปะปนอยู่บนพื้นบ้านอีกจำนวนมาก


พฤติกรรมคนร้ายจะเปิดเพจรับดูแลหมาแมวที่ถูกทิ้งขว้างจากทั่วประเทศ เมื่อนำมาที่บ้านหลังนี้ จะถ่ายรูปหมาแมวบางตัวเพื่อโพสต์ลงเพจเรียกรับเงินบริจาค แม้บุคคลที่อ้างว่าเป็นพ่อของหญิงรายดังกล่าวจะบอกว่า ไม่สามารถเลี้ยงได้เนื่องจากมีสถานการณ์โควิด ทำให้ยอดบริจาคลดลง แต่ทางมูลนิธิฯ กลับพบว่ามีคนที่ร่วมบริจาคจำนวนมาก ซึ่งไม่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงภายในบ้าน
“หญิงรายนี้จะรับสัตว์ที่ได้รับแจ้งผ่านเพจมาทุกประเภท จากนั้นโพสต์รูปสัตว์ขอบริจาคค่ารักษา ค่าอาหาร ค่าเช่าบ้าน แต่ลักษณะของสัตว์ที่ตายส่วนใหญ่อดอาหารมาประมาณ 2 อาทิตย์ ถึง 1 เดือน คาดว่าหญิงคนนี้เป็นผู้กระทำผิดเพียงคนเดียว เพราะบัญชีที่รับบริจาคมีชื่อเธอเพียงคนเดียว”
ขณะนี้ทางมูลนิธิได้แจ้งความดำเนินคดี รอเพียงหญิงรายดังกล่าวออกจากโรงพยาบาล มารับทราบข้อกล่าวหา จึงอยากให้ผู้ที่เคยบริจาคกับเพจดังกล่าวมาแจ้งความ เพื่อให้กระบวนการยุติธรรมค้นหาความจริงต่อไป
ระบบอาสาสมัครเรี่ยไรเงินผ่านออนไลน์ เพื่อดูแลหมาแมวถูกทอดทิ้ง ขณะนี้มีจำนวนมาก ดังนั้นผู้ที่บริจาคควรมีการตรวจสอบการทำงานที่ชัดเจน และไม่ควรโอนเงินบริจาคทันที เพราะกลุ่มคนเหล่านี้มักนำรูปสัตว์ที่น่าสงสารมาโพสต์ เพื่อเรียกร้องความเห็นใจ จึงควรบริจาคกับมูลนิธิฯ ที่มีที่อยู่ชัดเจน สามารถตรวจสอบได้
ด้านอาสาสมัครที่ต้องการช่วยเหลือสัตว์ ควรไปขึ้นทะเบียนกับกรมปศุสัตว์ให้เป็นสถานสงเคราะห์สัตว์ หรือหน่วยงานที่ดูด้านสวัสดิภาพของสัตว์ เพราะการขึ้นทะเบียนแสดงถึงความพร้อมในด้านความโปร่งใส สามารถตรวจสอบและเรี่ยไรได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย


Like it? Share with your friends!

872

Comments

comments